วันอังคารที่ 29 กรกฎาคม พ.ศ. 2551

งานกิจกรรม "รวมพลคนรักรถจักรยานยนต์ฮอนด้า ตระกูล ซี"


เอ.พี.ฮอนด้า ร่วมกิจกรรม รวมพลซุปเปอร์ คับ
มอบของที่ระลึกสุดเท่
แก่พลพรรคคนรักรถตระกูล ซี
เมื่อวันที่ 29 มีนาคม ที่ผ่านมา บริษัท เอ.พี.ฮอนด้า จำกัด ซึ่งร่วมในงานมอเตอร์โชว์ ด้วยการจัดบู๊ธแสดงนวัตกรรมหลากหลายของรถจักรยานยนต์ฮอนด้า ได้เข้าร่วมงานกิจกรรม “รวมพลคนรักรถจักรยานยนต์ฮอนด้า ตระกูล ซี” ซึ่งจัดให้มีขึ้น ณ บริเวณลานกิจกรรมด้านหลังฮอลล์ 106 ซึ่งเป็นฮอลล์จัดแสดงรถจักรยานยนต์ โดยกิจกรรมจัดให้มีขึ้นในช่วงเวลาแดดร่มลมตก จนกระทั่งเสร็จสิ้นงานมอเตอร์โชว์ในวันนั้น
สำหรับงานกิจกรรมในครั้งนี้ เป็นการมารวมตัวกันของกลุ่มคนที่ชื่นชอบรถจักรยานยนต์ Honda Cub พร้อมทั้งนำรถ Cub ของตัวเองที่ได้รับการตกแต่งมาจัดโชว์ ณ บริเวณลานกิจกรรมฯ โดยในปีนี้นับได้ว่าเป็นปีประวัติศาสตร์ของรถ Cub เนื่องจากเป็นปีครอบรอบ 50 ปี นับตั้งแต่ที่รถ Cub วางจำหน่าย และจนถึงปัจจุบันนี้ รถ Cub มียอดจำหน่ายทั่วโลกเป็นจำนวนทั้งสิ้นแล้วกว่า 50 ล้านคัน
บริษัท เอ.พี.ฮอนด้า จำกัด เป็นหนึ่งผู้ร่วมกิจกรรมครั้งนี้ โดยได้นำของที่ระลึกมากมายแจกจ่ายให้กับพลพรรคคนรักรถ Cub ที่มาร่วมรวมตัวกัน พร้อมนำรถฮอนด้า Little Cub ที่เป็นรถต้นแบบของรถตระกูล Cub ในปัจจุบันเข้าร่วมโชว์ พร้อมนางแบบสาวสวยน่ารัก


ภาพบรรยากาศในงาน






--------------------------------------------------------------------

วันพฤหัสบดีที่ 17 กรกฎาคม พ.ศ. 2551

รถแห่งประวัติศาสตร์สยาม



พระวรวงศ์เธอพระองค์เจ้าพีระพงศ์ภาณุเดช (พระองค์เจ้าพีระ) ถือเป็นชาวสยามคนแรกที่ร่วมแข่งขันรถยนต์ระดับโลก และสร้างเกียรติประวัติด้วยการชนะเลิศหลายรายการจนทำให้ประเทศไทยนั้นมีชื่อเสียงโด่งดังไปทั่วโลก พระองค์เจ้าพีระได้ครอบครองรถยนต์ Rolls Royce Sedanca Coupe ปี ค.ศ.1937 รถคันโปรด ตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ ปี ค.ศ. 1937 จนถึงปี ค.ศ. 1949 โครงสร้างแบบ ELR947 ของรถคันนี้เป็น

โครงสร้างรูปแบบพิเศษ 1201 25/30 ซึ่งผลิตโดยบริษัท Gurney Nutting ซึ่งเป็นบริษัทผู้ผลิตรถเฉพาะสำหรับราชวงศ์อังกฤษ


รถยนต์ Rolls Royce Sedanca Coupe วางเครื่องยนต์ 6 สูบแถวเรียง (4257ซีซี) ขนาด 4 ¼ ลิตร ซึ่งได้รับการเดินเครื่องยนต์อยู่ตลอดเพื่อทำนุบำรุง ปรับแต่ง และรถยนต์คันดังกล่าวนี้มีสมรรถนะการขับเคลื่อนที่ให้ความรู้สึกนุ่มนวล ด้วยพลังเครื่องยนต์ 4 สปีดที่ง่ายต่อการใช้ ผนวกกับระบบคลัชที่ยอดเยี่ยม และ ระบบเบรคที่ช่วยสร้างความมั่นใจให้แก่ผู้ขับขี่


โดยระหว่างกลางปีทศวรรษ 1970 ถึงปี ค.ศ. 1997 รถของพระองค์เจ้าพีระได้อยู่ที่ประเทศสหรัฐอเมริกา และถูกเคลื่อนย้ายมาที่สหราชอาณาจักรเพื่อทำการปรับปรุงครั้งใหญ่ ทั้งในส่วนการตกแต่งให้สวยงามและด้านพัฒนาปรับแต่งเครื่องยนต์ โดยปี ค.ศ. 1998 รถยนต์คันดังกล่าวนี้ยังได้รับการจารึกลงบนหน้าปกผลงานของกษัตริย์เบอร์นาร์ด ที่มีชื่อว่า "The Rolls Royce 25/30 HP and Wraith"


ส่วนในปีค.ศ. 2004 รถของพระองค์เจ้าพีระ ได้ถูกคัดเลือกให้เป็นหนึ่งในรถยอดเยี่ยม 19 คันที่นำมาแสดงโชว์ในงานเฉลิมฉลองเทศกาลแห่งความเร็วของ Goodwood ซึ่งงานในครั้งนี้ถือเป็นงานแสดงรถ Rolls Royce ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดแห่งศตวรรษ ยิ่งไปกว่านั้นในปี ค.ศ. 2006 รถคันดังกล่าวนี้ยังได้รับการคัดเลือกให้เป็นรถก่อนสงครามที่ยอดเยี่ยม รวมถึงการได้รับเกียรติในการนำไปโชว์ที่ประเทศฝรั่งเศสตอนเหนือในปีที่ผ่านมาอีกด้วย

วันศุกร์ที่ 4 กรกฎาคม พ.ศ. 2551

แหล่งท่องเที่ยวยอดฮิต ของชมรมรถโบราณ ภาคกลาง ( เขาใหญ่ )



หลายคนอาจคิดว่าในฤดูฝนคงไม่มีสถานที่ที่น่าเที่ยวสักเท่าไหร่ เพราะว่ามองไปทางไหนก็ดูจะเฉอะแฉะไปวะทุกที่ แต่ว่าเมืองไทยไม่ว่าจะร้อน ฝน หนาว ก็เที่ยวได้ อีกทริปที่พลาดไม่ได้ กับเหล่านักผจญภัย.... เขาใหญ่ ซึ่งห่างจากกรุงเทพไม่มากนัก เพียง 3 ชั่วโมงเท่านั้น อุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ก็ใหญ่สมชื่อจริง ๆ เพราะว่าครอบคลุมพื้นที่ถึง 4 จังหวัด ด้วยกัน คือ สระบุรี นครนายก นครราชสีมา และปราจีนบุรี มีเนื้อที่ถึง 1ล้าน 3 แสนกว่า ไร่
เขาใหญ่นับเป็นอุทยานแห่งแรกของประเทศที่มีภูมิประเทศเป็นภูเขาสลับซับซ้อนหลายลูก และเป็นป่าที่มีสภาพอุดมสมบูรณ์โดยส่วนใหญ่แล้วเป็นป่าดงดิบชื้น และมีพืชพรรณที่หลากหลายและมีน้ำตกมากกว่า 20 แห่ง เส้นทางเดินป่าบนเขาใหญ่ก็มีถึง 13 เส้นทาง ด้วยกัน แต่ว่าแต่ละเส้นทางก็มีความยากง่าย ระยะทางและเวลาการเดินทางที่ต่างกันด้วย แต่ว่าไม่ต้องกังวลเรื่องเส้นทางครับ สำหรับนักเดินป่ามือใหม่ ท่านสามารถติดต่อกับทางอุทยานเพื่อให้เจ้าหน้าที่นำทางได้
เมื่อเดินทางขึ้นเขาใหญ่แล้วนักท่องเที่ยวจะได้ พบกับธรรมชาติที่สัมผัสได้จริงสีเขียวชอุ่มของพืชพรรณนานาชนิด หลายคนอาจคิดว่าการมาเที่ยวป่าคงไม่มีอะไรไปมากกว่าการดูต้นไม้ใบหญ้า แต่ถ้าลองได้สังเกตคุณก็จะได้พบกับ ต้นไม้บางชนิดที่คุณไม่เคยเห็นมาก่อน ความสดใสของพืชพันธุ์ต่างๆ เมื่อต้องฝน ดอกไม้ป่านานาชนิด เสียงนกร้องก้องไพร สายน้ำตกที่หลั่งไหลกระแทกก้อนหิน เนื่องจากเขาใหญ่เป็นป่าดงดิบชื้นส่วนใหญ่ จึงมีพืชพรรณอุดมสมบูรณ์ตลอดปี
จุดชมวิวบนเขาใหญ่ก็มีด้วยกันหลายจุดนะคะ เช่น จุดชมวิวโป่งช้าง และบริเวณทุ่งหญ้ามอสิงโตซึ่งทุ่งหญ้ามอสิงโตนี้จะสามารถมองเห็นอ่างเก็บน้ำได้ชัดเจน โดยบริเวณจุดชมวิวแต่ละที่ก็สามารถเดินทางโดยเส้นทางเดินป่าและสามารถใช้ถนนโดยขับรถขึ้นไปก็ได้ แต่ที่สำคัญที่ดึงดูดนักท่องเที่ยวได้ดีก็คือน้ำตกบนเขาใหญ่ ที่ใครได้เห็นก็มีแต่ความประทับใจกับความสวยงามที่ธรรมชาติสร้างขึ้น น้ำตกบางแห่งสามารถเข้าชมได้ง่าย เพราะมีเส้นทางเดินเข้าไปถึง ได้แก่ น้ำตกเหวสุวัต ที่เป็นที่นิยมมาก น้ำตกเหวไทร น้ำตกเหวประทุน น้ำตกกองแก้ว น้ำตกเหวนรก และ เหวอีอ่ำ ซึ่งหลายคนรู้จักกันดีจากข่าวเมื่อหลายปีก่อน นอกจากการเดินป่าชมวิว ชมน้ำตกแล้ว การขี่จักรยานเมาน์เทนไบค์ก็กำลังได้รับความนิยมมาก เพราะท่านสามารถชมธรรมชาติที่สวยงามไปพร้อมกับการออกกำลังกายคู่กันด้วย อีกกิจกรรมที่น่าสนใจไม่แพ้กันในตอนนี้ก็คือการส่องสัตว์เวลากลางคืน เพราะสัตว์ป่าบางชนิดก็ออกหากินเวลากลางคืน เช่น กวาง และช้าง แต่กิจกรรมนี้ต้องติดต่อกับทางอุทยานนะคะเพราะว่าไปเองคงไม่ดีแน่ และทางอุทยานคงไม่ให้เดินทางเอง
เรื่องที่พักอาหารการกินก็ไม่ต้องเป็นห่วง ถ้าใครสะดวกที่จะกางเต็นท์นอนอยู่กันแบบลุย ๆ ทางอุทยานเค้าก็มีบริเวณไว้สำหรับนักท่องเที่ยวจะกางเต็นท์นอนกัน แต่ถ้าใครไม่ชอบลุยอยากพักแบบสบาย ๆ ก็ขอแนะนำให้พักที่รีสอร์ท บริเวณเชิงเขาซึ่ง จุลดิศเขาใหญ่ ก็เป็นรีสอร์ทที่สะดวกน่าพัก โดยใช้เส้นทางสายปากช่อง นครราชสีมา
เพียงเท่านนี้การไปเที่ยวอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ก็ไม่ได้ลำบากอย่างที่คิด เพียงแต่ว่าเราจะให้เวลากับมันหรือเปล่า ในช่วงวันหยุดสุดสัปดาห์ ถ้าต้องการพักผ่อน ไม่อยากใช้เวลาในการเดินทางนาน ลองให้อุทยานแห่งชาติเขาใหญ่เป็นอีกตัวเลือกวันพักผ่อนของคุณ ความประทับใจ กับธรรมชาติของป่าไม้ที่สวยงามที่เป็นป่าไม้ที่แท้จริงไม่ใช่ป่าคอนกรีตในเมืองที่คุณพบเห็นอยู่ทุกวัน เที่ยวไทยได้อะไรมากกว่าที่คุณคิด

วันพฤหัสบดีที่ 3 กรกฎาคม พ.ศ. 2551

ทำความรู้จัก Honda C



รถมอเตอร์ไซค์ยี่ห้อฮอนด้า รุ่นที่แม่ๆ ป้าๆ ใช้ขี่ไปตลาดจับจ่ายซื้อของเป็นที่คุ้นตา โดยเฉพาะในต่างจังหวัด วันนี้กลับเป็นที่ชื่นชอบของคนหนุ่มสาวในเมืองหลวง พยายามขวนขวายหามาเป็นเจ้าของสักคัน จากนั้นนำมาแปลงโฉมจนสวยงามเอี่ยมอ่อง แม้เจ้าของเดิมมาเห็นก็อาจจะจำไม่ได้ โดยเฉพาะราคาที่เปลี่ยนไปจนแม่บ้านหลายคนต้องแปลกใจว่าอย่างนี้ซื้อรถใหม่ไม่ดีกว่าหรือ ? ความ “คลาสสิก” คงจะเป็นคำตอบเดียวที่ผู้นิยมรถเก่ารุ่นนี้จะอธิบายแทนความหลงใหลของพวกเขาได้ แม้จะวิ่งไม่เร็ว ซิ่งไม่ได้ แต่ความภาคภูมิใจเวลาขี่รถคันเก๋แปลกตาบนท้องถนน คงเป็นสิ่งที่หาไม่ได้จากรถรุ่นใหม่เครื่องแรงทั่วไป รถมอเตอร์ไซค์ยี่ห้อฮอนด้า ซี เริ่มเข้ามาขายในเมืองไทยตั้งแต่ปี 1958-1959 โดยเริ่มจากรุ่นที่มีไฟหน้าติดตั้งอยู่บริเวณด้านบนส่วนหน้าของรถ หรือที่เรียกว่ารุ่นไฟบนนั้นจะเข้ามาก่อน จากนั้นรุ่นไฟล่างจึงตามเข้ามาทีหลังในปี 1966 แต่เพิ่งไม่กี่ปีมานี้เองที่ฮอนด้า ซี ได้รับความนิยมจากนักเล่นรถเก่า ซึ่งไม่ใช่เพียงกลุ่มวัยรุ่น นักศึกษาเท่านั้น แต่ยังมีคนทำงานที่ชอบเก็บสะสมรถโบราณอีกด้วย ฮอนด้า ซี นี้คือรหัสของรถรุ่นพวกนี้ มันก็จะมีแยกไปเป็นซี 50 ,ซี 65,ซี 70,ซี 90 และก็ซี 100 ตัวเลขก็คือซีซีของรถ อย่างซี 50 ก็คือ 50 ซีซี ซี 90 ก็รถ 90 ซีซี” ภาสกร ปั้นเพชร หรือแบงก์ หนึ่งในสมาชิกกลุ่มนาซี อธิบายถึงความแตกต่างของรถแต่ละคันที่จอดโชว์อยู่ให้ฟัง ด้วยรูปลักษณ์ภายนอกแต่ละรุ่นนั้นจะดูคล้ายกัน “เขาจะดูกันที่ถังน้ำมัน ซี 70 ก็จะเป็นรุ่นที่ใหม่หน่อย ถังน้ำมันจะเชื่อมติดกับบังโคลนหลัง แต่ถ้าเป็นตัวเก่าหน่อยก็จะเป็นซี 50 ถังน้ำมันจะแยกออกได้จากตัวรถ แต่ถ้าเก่ากว่านี้ก็คือ ซี 100 กับซี เอ็ม 90” เขาชี้ให้ดูฮอนด้า ซี 100 สีเขียวไข่กาที่เป็นรุ่นต้นแบบของมอเตอร์ไซค์ 4 จังหวะ ในปัจจุบัน ส่วนซี เอ็ม 90 ที่จอดอยู่ข้างกันนั้น มีกะโหลกไฟโตกว่า และถังน้ำมันจะใหญ่กว่ารุ่นซี 100 กัน เขาก็บอกว่ามันกลับมาได้สักประมาณ 4 ปีแล้ว ราคาตอนนี้ก็จะขยับขึ้นไปเรื่อยๆ แล้ว ยิ่งรุ่นที่หายากหน่อยราคาก็จะยิ่งสูงมากขึ้นไปอีก เช่น ซี 100 และซี เอ็ม 90 แล้วมันก็จะมีอีกรุ่นหนึ่งที่คล้ายๆ รุ่นนี้ คันนั้นจะเป็นสตาร์ทมือ เขาเรียกว่า ซี 102 คันนั้นก็จะแพงมาก น่าจะแพงที่สุดในบรรดารถผู้หญิงด้วยกัน” ราคาของฮอนด้า ซี นั้น จะขึ้นอยู่กับสภาพของรถแต่ละคันและอะไหล่ที่ใช้ รถที่ยังไม่ได้ตกแต่งซ่อมแซมกับตกแต่งเรียบร้อยแล้วก็จะราคาต่างกัน “อย่างซี 50 สภาพที่ทำแล้วแบบนี้ ทางร้านก็จะขายอยู่ที่ราคา 20,000 แล้วมันก็จะมีซี 70 แบบที่มันยังไม่ได้ทำ เป็นสภาพเดิมๆ แบบที่เขาเรียกกันว่ารถบ้าน ตามภาษาพวกรถฮอนด้าด้วยกันเขาจะเรียกว่าสภาพรถแบบแห้งๆ หมายถึงแบบที่สีรถมันนานมาแล้วตั้งแต่สมัย 20-30 ปีที่แล้ว สีมันดูแห้งๆ ก็จะเริ่มตั้งแต่ราคา 5,000 บาทไปจนถึง 10,000 บาท” “มันจะมีเหมือนเป็นออปชันในการขายรถ ว่ารถคันนี้ต่อทะเบียนมาแล้ว มีพ.ร.บ. ถ้ามอเตอร์ไซค์ที่ขายมี คนก็จะสนใจ เพราะเขาจะได้ไม่ยุ่งยาก ไม่ต้องไปเสี่ยงเรื่องกฎหมายบ้านเมืองด้วย รถทำมาแล้วมีทะเบียนก็ราคาหนึ่ง ทำมาแล้วแต่ไม่มีทะเบียนมันก็จะอีกราคาหนึ่ง” เครื่องยนต์ที่ผ่านการทำหรือที่เรียกว่าบิลต์แล้ว จะสามารถวิ่งได้ประมาณ 70-80 กิโลเมตรต่อชั่วโมง หลังจากทำเครื่องยนต์เสร็จก็จะเป็นขั้นตอนของการตกแต่ง ทั้งเปลี่ยนเบาะจากเบาะยาวเป็นเบาะคู่หรือเบาะเดี่ยวพร้อมตะแกรงท้ายรถ รวมทั้งการทำสีใหม่ด้วย “บางคนชอบแต่งแบบอนุรักษ์ ก็จะทำสีเป็นโทนสีเดิมๆ คือสีแดง สีเขียว สีน้ำเงิน ซึ่งเป็นสีของรถที่ออกมาในตอนนั้น แต่บางคนอาจจะไม่ชอบสีเดิมของรถก็จะมาทำเป็นสีที่เขาเรียกกันว่าสีเบจ คือออกเป็นสีนวลๆ สีครีม สีชมพูอ่อน แล้วก็มีอีกแบบหนึ่งคือ แนวแฟชั่น ที่ทำสีแรงๆ อย่างสีม่วง สีส้ม สีเขียวตองอ่อน แล้วก็จะมาใส่ล้อซี่ลวดที่เขาเรียกว่าขึ้นซี่ลวดถี่ แล้วใส่ยางขอบขาว อยู่ที่ไอเดียของแต่ละคนจะแต่ง” ซึ่งค่าใช้จ่ายในการบิลต์รถเก่าให้ดูใหม่แต่ละครั้ง แบงก์บอกว่าจะตกประมาณ 15,000-20,000 บาท ทั้งการชุบ ขัดเงา ทำสี อะไหล่ภายในรถและอะไหล่ตกแต่งล้อ ฯลฯ ฮอนด้า ซี ก็คงไม่ต่างจากรถทั่วไป ที่เมื่อมีรุ่นใหม่มาแทนที่รุ่นเก่า ความนิยมก็ย่อมจะลดลง แต่เมื่อถูกจัดให้เป็นรถคลาสสิกแล้วนั้น ก็ย่อมเป็นอมตะไม่มีวันตายหรือสูญหายไปง่ายๆ รอเพียงเวลาที่คนรุ่นใหม่จะเห็นคุณค่าความสวยงามและกลับมานิยมใหม่อีกครั้ง

เลือกสีรถที่ดีต่อชีวิต...






บุคคลที่เกิดวันอาทิตย์ สีที่เป็นมงคล ควรเป็นสีชมพู สีโอโรส เพราะเป็นเดช อำนาจ และบารมี สีเขียวเป็นสีแห่งโชคลาภเงินทอง หรือสีดำ สีเทา สีควันบุหรี่เป็นสีของมนตรี มีคนคอยช่วยเหลือ ผู้ใหญ่สนับสนุนดี
* สีอื่นๆไม่ดีและไม่เสีย (ธรรมดา) สีที่ต้องห้าม คือ สีฟ้า สีน้ำเงิน (เป็นสีที่อัปมงคลตลอดชีวิต) เพราะเป็นสีที่เป็นกาลกินีของบุคคลที่เกิดวันอาทิตย์ นอกจากนี้แล้ว

บุคคลที่เกิดวันวันอาทิตย์
* อายุย่าง 23 , 32 , 41 , 50 , 59 , 68และอายุ 77 ปีห้ามซื้อรถสีชมพู สีโอโรส เพราะเป็นสีที่โชคร้ายในช่วงอายุที่ย่างมาถึง
* สำหรับช่วงอายุย่าง 24 , 33 , 42 ,51 ,60 ,และ 69 สีที่ห้ามซื้อคือสีเขียวทุกชนิด
* และช่วงอายุย่าง 18 , 27 , 36 ,45 ,54 , 63 และ 72ปี สีที่ห้ามซื้อคือ สีดำ สีเทา สีควันบุหรี่ เพราะเป็นสีที่โชคร้าย ในช่วงอายุที่มาถึงเช่นกัน
* ถ้าไม่ใช่อายุจรที่ย่างมาถึงดังกล่าวข้างต้นก็สามารถเลือกซื้อสีที่เป็นมงคลได้ตลอด



บุคคลที่เกิดวันจันทร์ สีที่เป็นมงคล ควรเป็นสีเขียว หรือสีแดง เพราะเป็นเดช อำนาจ และบารมี สีดำ สีม่วงเป็นสีแห่งโชคลาภเงินทอง หรือสีฟ้า สีน้ำเงินเป็นสีของมนตรี มีคนคอยช่วยเหลือ ผู้ใหญ่สนับสนุนดี
* สีอื่นๆไม่ดีและไม่เสีย (ธรรมดา) สีที่ต้องห้าม คือ สีแดง (เป็นสีที่อัปมงคลตลอดชีวิต) นอกจากนี้แล้ว บุคคลที่เกิดวันจันทร์
* ช่วงอายุย่าง 22 , 31 , 40 , 49 , 58 และ 67 ปีห้ามซื้อรถสีเขียวทุกชนิด เพราะเป็นสีที่โชคร้ายในช่วงอายุที่ย่างมาถึง
* สำหรับช่วงอายุย่าง 23 , 32 , 41 ,50 ,59 และ 68 ปี สีที่ห้ามซื้อคือสีดำ , สีม่วง
* และช่วงอายุย่าง 26 , 35 , 44 , 53 , 62 , 71 และ 80 ขึ้นไป สีที่ห้ามซื้อคือ สีฟ้า สีน้ำเงิน เพราะเป็นสีที่โชคร้าย ในช่วงอายุที่มาถึงเช่นกัน
* ถ้าไม่ใช่อายุจรที่ย่างมาถึงดังกล่าวข้างต้นก็สามารถเลือกซื้อสีที่เป็นมงคลได้ตลอด ยกเว้นสีแดงสีเดียว


บุคคลที่เกิดวันอังคาร สีที่เป็นมงคล ควรเป็นสีดำ หรือสีม่วง เพราะเป็นเดช อำนาจ และบารมี สีเหลืองแก่ สีแสด สีบรอนซ์ทองเป็นสีแห่งโชคลาภเงินทอง หรือสีแดงเป็นสีของมนตรี มีคนคอยช่วยเหลือ ผู้ใหญ่สนับสนุนดี
* สีอื่นๆไม่ดีและไม่เสีย (ธรรมดา) สีที่ต้องห้าม คือ สีบรอนซ์เงิน สีขาว สีเหลืองอ่อน เพราะเป็นสีที่เป็นกาลกินีของบุคคลที่เกิดวันอังคาร
นอกจากนี้แล้ว บุคคลที่เกิดวันอังคาร
* อายุย่าง 22 , 31 , 40 , 49 , 58 และ 67 ปีห้ามซื้อรถสีดำและสีม่วง เพราะเป็นสีที่เป็นกาลกินีของบุคคลที่เกิดวันอังคาร
* สำหรับช่วงอายุย่าง 23 , 32 , 41 ,50 ,59 และ 68 ปี สีที่ห้ามซื้อคือสีหลืองแก่ สีแสด สีบรอนซ์ทอง
* และช่วงอายุย่าง 18 , 27 , 36 ,45 ,54 , 63 และ 72ปี สีที่ห้ามซื้อคือ สีแดง เพราะเป็นสีที่โชคร้าย ในช่วงอายุที่มาถึงเช่นกัน
* ถ้าไม่ใช่อายุจรที่ย่างมาถึงดังกล่าวข้างต้นก็สามารถเลือกซื้อสีที่เป็นมงคลได้ตลอด


บุคคลที่เกิดวันพุธ(กลางวัน) สีที่เป็นมงคล ควรเป็นสีเหลืองแก่ สีแสด สีบรอนซ์ทอง เพราะเป็นเดช อำนาจ และบารมี สีดำ สีเทาเป็นสีแห่งโชคลาภเงินทอง หรือสีขาว สีขาวนวล สีบรอนซ์ทอง สีเหลืองอ่อนเป็นสีของมนตรี มีคนคอยช่วยเหลือ ผู้ใหญ่สนับสนุนดี
* สีอื่นๆไม่ดีและไม่เสีย (ธรรมดา) สีที่ต้องห้าม คือ สีชมพู สีโอโรส (เป็นสีที่อัปมงคลตลอดชีวิต) เพราะเป็นสีที่เป็นกาลกินีของบุคคลที่เกิดวันพุธ(กลางวัน)
นอกจากนี้แล้ว บุคคลที่เกิดวันพุธ(กลางวัน)
* อายุย่าง 22 , 31 , 40 , 49 , 58 และ 67 ปีห้ามซื้อรถสีเหลืองแก่ สีแสด และสีบรอนซ์ทอง เพราะเป็นสีที่โชคร้ายในช่วงอายุที่ย่างมาถึง
* สำหรับช่วงอายุย่าง 23 , 32 , 41 ,50 ,59 และ 68 ปี สีที่ห้ามซื้อคือสีดำ , สีเทา
* และช่วงอายุย่าง 18 , 27 , 36 ,45 ,54 , 63 และ 72ปี สีที่ห้ามซื้อคือ สีขาว สีขาวนวล สีบรอนซ์เงิน สีเหลืองอ่อน เพราะเป็นสีที่โชคร้าย ในช่วงอายุที่มาถึงเช่นกัน
* ถ้าไม่ใช่อายุจรที่ย่างมาถึงดังกล่าวข้างต้นก็สามารถเลือกซื้อสีที่เป็นมงคลได้ตลอด


บุคคลที่เกิดวันพุธ(กลางคืน) สีที่เป็นมงคล ควรเป็นสีแดง เพราะเป็นเดช อำนาจ และบารมี สีขาว สีขาวนวล สีบรอนซ์เงิน สีเหลืองอ่อนเป็นสีแห่งโชคลาภเงินทอง หรือสีดำ สีม่วงเป็นสีของมนตรี มีคนคอยช่วยเหลือ ผู้ใหญ่สนับสนุนดี
* สีอื่นๆไม่ดีและไม่เสีย (ธรรมดา) สีที่ต้องห้าม คือ สีเหลืองแก่ สีบรอนซ์เงิน สีแสด (เป็นสีที่อัปมงคลตลอดชีวิต) เพราะเป็นสีที่เป็นกาลกินีของบุคคลที่เกิดวันพุธ(กลางคืน)
นอกจากนี้แล้ว บุคคลที่เกิดวันพุธ(กลางคืน)
* อายุย่าง 23 , 32 , 41 , 50 , 59 , 68และ 77 ปีห้ามซื้อรถสีแดง เพราะเป็นสีที่โชคร้ายในช่วงอายุที่ย่างมาถึง
* สำหรับช่วงอายุย่าง 24 , 33 , 42 ,51 ,60 และอายุ 69 สีที่ห้ามซื้อคือสีขาว สีขาวนวล สีบรอนซ์เงินและสีเหลืองอ่อน
* และช่วงอายุย่าง 22 , 31 , 40 ,49 ,58 และ 67ปี สีที่ห้ามซื้อคือ สีดำ สีม่วง เพราะเป็นสีที่โชคร้าย ในช่วงอายุที่มาถึงเช่นกัน
* ถ้าไม่ใช่อายุจรที่ย่างมาถึงดังกล่าวข้างต้นก็สามารถเลือกซื้อสีที่เป็นมงคลได้ตลอด


บุคคลที่เกิดวันพฤหัสบดี สีที่เป็นมงคล ควรเป็นสีฟ้า สีน้ำเงิน เพราะเป็นเดช อำนาจ และบารมี สีแดงเป็นสีแห่งโชคลาภเงินทอง หรือสีเขียวเป็นสีของมนตรี มีคนคอยช่วยเหลือ ผู้ใหญ่สนับสนุนดี
* สีอื่นๆไม่ดีและไม่เสีย (ธรรมดา) สีที่ต้องห้าม คือ สีดำ สีม่วง (เป็นสีที่อัปมงคลตลอดชีวิต) เพราะเป็นสีที่เป็นกาลกินีของบุคคลที่เกิดวันพฤหัสบดี
นอกจากนี้แล้ว บุคคลที่เกิดวันพฤหัสบดี
* อายุย่าง 22 , 31 , 40 , 49 , 58 และ 67 ปีห้ามซื้อรถสีฟ้า สีน้ำเงิน เพราะเป็นสีที่โชคร้ายในช่วงอายุที่ย่างมาถึง
* สำหรับช่วงอายุย่าง 24 , 33 , 42 ,51 ,60 , 69และอายุย่าง 78 ปี สีที่ห้ามซื้อคือสีแดง
* และช่วงอายุย่าง 18 , 27 , 36 ,45 ,54 , 63 และ 72ปี สีที่ห้ามซื้อคือ สีเขียวทุกชนิด เพราะเป็นสีที่โชคร้าย ในช่วงอายุที่มาถึงเช่นกัน
* ถ้าไม่ใช่อายุจรที่ย่างมาถึงดังกล่าวข้างต้นก็สามารถเลือกซื้อสีที่เป็นมงคลได้ตลอด



บุคคลที่เกิดวันศุกร์ สีที่เป็นมงคล ควรเป็นสีขาวนวล สีบรอนซ์เงิน สีเหลืองอ่อนเพราะเป็นเดช อำนาจ และบารมี สีชมพู และสีโอโรสเป็นสีแห่งโชคลาภเงินทอง หรือสีแสด สีเหลืองแก่ สีบรอนซ์ทอง เป็นสีของมนตรี มีคนคอยช่วยเหลือ ผู้ใหญ่สนับสนุนดี
* สีอื่นๆไม่ดีและไม่เสีย (ธรรมดา) สีที่ต้องห้าม คือ สีเทา สีดำ สีควันบุหรี่ (เป็นสีที่อัปมงคลตลอดชีวิต) เพราะเป็นสีที่เป็นกาลกินีของบุคคลที่เกิดวันศุกร์
นอกจากนี้แล้ว บุคคลที่เกิดวันศุกร์
* อายุย่าง 23 , 32 , 41 , 50 , 59 , 68 และ 77 ปีห้ามซื้อรถสีขาวนวล สีบรอนซ์เงิน สีเหลืองอ่อน เพราะเป็นสีที่โชคร้ายในช่วงอายุที่ย่างมาถึง
* สำหรับช่วงอายุย่าง 24 , 33 , 42 ,51 ,60 , 69 ปี สีที่ห้ามซื้อคือสีชมพู สีโอโรส
* และช่วงอายุย่าง 18 , 27 , 36 ,45 ,54 , 63 และ 72ปี สีที่ห้ามซื้อคือ สีเหลืองแก่ สีบรอนซ์ทอง และสีแสด เพราะเป็นสีที่โชคร้าย ในช่วงอายุที่มาถึงเช่นกัน
* ถ้าไม่ใช่อายุจรที่ย่างมาถึงดังกล่าวข้างต้นก็สามารถเลือกซื้อสีที่เป็นมงคลได้ตลอด



บุคคลที่เกิดวันเสาร์ สีที่เป็นมงคล ควรเป็นสีเทา สีดำ เพราะเป็นเดช อำนาจ และบารมี สีฟ้า สีน้ำเงินเป็นสีแห่งโชคลาภเงินทอง หรือสีชมพู สีโอโรสเป็นสีของมนตรี มีคนคอยช่วยเหลือ ผู้ใหญ่สนับสนุนดี
*สีอื่นๆไม่ดีและไม่เสีย (ธรรมดา) สีที่ต้องห้าม คือ สีเขียวทุกชนิด (เป็นสีที่อัปมงคลตลอดชีวิต) เพราะเป็นสีที่เป็นกาลกินีของบุคคลที่เกิดวันเสาร์
นอกจากนี้แล้ว บุคคลที่เกิดวันเสาร์
*อายุย่าง 22 , 31 , 40 , 49 , 58 และ 67 ปีห้ามซื้อรถสีเทา สีดำ เพราะเป็นสีที่โชคร้ายในช่วงอายุที่ย่างมาถึง
*สำหรับช่วงอายุย่าง 23 , 32 , 41 ,50 ,59 , 68และอายุย่าง 77 ปี สีที่ห้ามซื้อคือสีฟ้า สีน้ำเงิน
*และช่วงอายุย่าง 18 , 27 , 36 ,45 ,54 , 63 และ 72ปี สีที่ห้ามซื้อคือ สีชมพู สีโอโรส เพราะเป็นสีที่โชคร้าย ในช่วงอายุที่มาถึงเช่นกัน
*ถ้าไม่ใช่อายุจรที่ย่างมาถึงดังกล่าวข้างต้นก็สามารถเลือกซื้อสีที่เป็นมงคลได้ตลอด

วันอังคารที่ 1 กรกฎาคม พ.ศ. 2551

ประวัติเวสป้า...


Classic Scooter คำว่า "scooter" ที่หมายถึงยานพาหนะที่ใช้เครื่องยนต์นั้น มีการให้ความหมายกว้างขวางมาก หลายๆคนมองว่า scooter คือยานยนต์ที่มีล้อขนาดเล็ก น้ำหนักเบา สีสรรสดใส และราคาประหยัด จุดเด่นของ scooter ก็คือเพื่อตอบสนองผู้ใช้ที่ไม่มีความรู้ทางช่าง scooter มีการวางจำหน่ายเป็นจำนวนมากในช่วงหลังสงครามโลกครั้ งที่สอง จนกระทั่งเริ่มมีการผลิตรถยนต์ขนาดเล็กราคาถูกออกวาง จำหน่าย ความนิยมในการใช้ scooter จึงลดน้อยลงผู้ครองตลาดการจำหน่าย scooter ในช่วงปี 1950 คือ บริษัทของอิตาลี 2 แห่งคือ piaggio และ innocenti ซึ่งเป็นผู้ผลิต vespa และ lambretta ทำให้เป็นที่อิจฉาของ ผู้ประกอบการรายอื่นทั่วโลก ในขนะที่ยอดจำหน่ายสูงสุดของ scooter จะมีอายุเพียงสองทศวรรษเท่านั้น แต่โดยภาพรวมแล้ว scooter กลับมีอายุยืนนานถึงกว่า80ปี ข้อเขียนนี้เป็นการบรรยายสรุปการผลิต scooter เริ่มตั้งแต่ช่วงปี1900 และปิดท้ายด้วยการคาดการณ์ถึงความเป็นไปได้ในอนาคตขอ ง scooter จุดกำเนิด scooter (scooter origins) พื้นฐานที่สำคัญของ scooter ต่อสาธารณะก็คือการเป็นยานยนต์ส่วนตัวที่มีราคา ประหยัดจากผลของสงครามโลกทั้งสองครั้ง ผลในทางบวกที่เกิดขึ้นก็คือการพัฒนาทางเทคโนโลยีอย่า งรวดเร็ว ในช่วงสงครามโลกครั้งที่หนึ่ง บริษัทวิศวกรรมทางการทหารมีการขยายตัวอย่างมาก และเมื่อสงครามสงบ จึงเกิดบริษัทวิศวกรรมหลายๆแห่งที่ไม่ต้องทำการผลิตเ พื่อกองทัพอีกต่อไป ดังนั้นบริษัทเหล่านี้จึงหันมามองตลาดยานพาหนะส่วนบุ คคลแทน หลายๆบริษัทได้หันมาพัฒนาประดิษฐ์กรรมที่ต่อมาเรียกข านกันว่า scooter scooter รุ่นแรกๆนั้น ไม่มีการจำหน่ายในปริมาณมาก สาเหตุอาจเป็นเพราะไม่ได้สนองตอบต่อความต้องการในการ เดินทางของผู้คนภายหลังสงคราม และก็เพียงเพื่อต้องการให้มีความแตกต่างกับมอเตอร์ไซ ด์ในยุคนั้นเท่านั้น scooter ในยุคแรกได้รับความนิยมพอสมควร แต่ก็ต้องปิดตัวเองไปในช่วงกลางทศวรรษ 1920 จนกระทั้งสมัยสงครามโลกครั้งที่สองจึงได้เริ่มทำการผ ลิตขึ้นมาอีกครั้งหนึ่ง โดยมีวัตถุประสงค์หลักเพื่อตอบสนองทางการทหาร บริษัทผู้ผลิตในอังกฤษ อิตาลี เยอรมัน และอเมริกา ได้ทำการผลิต scooter แบบธรรมดาๆเพื่อใช้ขนย้ายกองทหารพลร่มและทหารราบ ในอังกฤษมีการผลิตแบบ Welbike ซึ่งสามารถพับเก็บได้ ในอเมริกามีการผลิตแบบ Cushman ฝ่ายเยอรมันก็มี TWN ส่วนอิตาลีก็ทำการผลิตแบบ Volugrafo ซึ่งมีล้อหลังคู่ เมื่อสงครามโลกครั้งที่สองยุติลง ผู้คนเริ่มหันมาต้องการใช้ยานยนต์กันอีก บริษัทผู้ผลิตซึ่งต้องทำงานอย่างหนักในช่วงสงครามจึง มีศักยภาพพอที่จะทำการผลิตได้ ผลที่ตามมาก็คือเกิดการประดิษฐ์ scooter รุ่นที่สอง ในอิตาลี บริษัท Piaggio ซึ่งบริษัทผู้สร้างเครื่องบินในสมัยนั้นถูกห้ามทำการ ผลิตในปี 1945 ดังนั้นทางบริษัทตึงหันมาผลิต scooter ขนาดเล็กที่ใช้โครงสร้างตัวถังแบบชั้นเดียวแทน หลังจากผลิตรถรุ่นดังกล่าวได้ประมาณ 100 คัน จากนั้นจึงลงมือผลิตรุ่นที่ใช้ชื่อว่า Vespa (Wasp) ออกมารถรุ่นนี้มีความก้าวหน้ามากทั้งในด้านรูปทรงและ ด้านวิศวกรรม ซึ่งต่อมาได้กลายเป็นต้นแบบของVespa ที่มีการวางจำหน่ายในท้องตลาดจนถึงกลางทศวรรษ1990 scooter รุ่นแรกที่มีขนาดเครื่องยนต์เพียง 98cc.ต่อมาได้มีการพัฒนาให้มีขนาด 125cc. 150cc.และ 200cc. ตามลำดับ ส่วนบริษัทยักษ์ใหญ่ Innoncenti แห่งมิลาน ได้ทำการเปิดตัวสินค้าด้วย Lambretta M (ต่อมาใช้ชื่อใหม่เป็น Model A)ออกมาในปี 1947 Lambretta ผลิตโดยใช้ตัวถังแบบเปิด(openframe)ทรงหลอด และไม่มีระบบป้องกันสภาพอากาศที่ดีนอกจากนั้นก็ไม่มี ระบบกันกระเทือนอีกด้วย ดังนั้นจึงต้องอาศัยยางในล้อช่วยลดการกระแทก หลังจากนั้นไม่นานLambretta จึงทำการผลิตรุ่น B ออกมาแทน จากจุดนี้เอง ทั้ง Lambretta และ Vespa จึงได้ทำการแข่งขันกันอย่างหนัก เพื่อแย่งชิงส่วนแบ่งในการตลาด อย่างไรก็ตาม Lambretta ยังยึดรูปแบบทรงหลอดอยู่ แต่ในบางครั้งก็มีการเปลี่ยนแปลงจากระบบขับเคลื่อนด้ วยเพลาไปใช้ระบบโซ่ หรือบางทีก็สลับกัน ส่วนทางด้าน Vespa นั้นก็ยังยึดระบบตัวถังแบบเหล็กชิ้นเดียวครอบตัวเครื ่อง และติดตั้งระบบเกียร์ไว้ใกล้ๆกับล้อหลัง การแข่งขันของทั้งสองบริษัทนี้เริ่มรุนแรงขึ้นเรื่อย ๆแม้กระทั่งในปัจจุบัน ผู้ใช้ scooter ก็ยังแบ่งเป็นสองกลุ่มอย่างชัดเจน ต้นทศวรรษ 1950 ทั้ง Vespa และ Lambretta สามารถสร้างยอดจำหน่ายได้มากชนิดที่วงการรถสองล้อไม่ เคยมีมาก่อน ด้วยเหตุนี้จึงเป็นผลให้ผูผลิตรถจักรยานยนต์ และยานยนต์ชนิดต่างๆ เกิดการแข่งขันกันเพื่อแย่งชิงส่วนแบ่งการตลาดมากขึ้ นผู้ผลิตบางรายจะเน้นที่รูปแบบและเครื่องยนต์ สำหรับบางรายยกเครื่อง scooter ใหม่หมด โดยการเปลี่ยนยานยนต์แบบประหยัด ให้กลายมาเป็นยานยนต์แบบเริดหรูและก้าวไกล ตลาดในขณะนั้นไม่สามารถรองรับความหลากหลายของสินค้าไ ด้ทั้งหมด ทำให้สินค้าบางตัวมีอายุสั้นมาก แม้จะเป็นสินค้าชั้นยอดก็ตาม สินค้าชั้นดีหลายๆชนิดไม่ประสบผลสำเร็จทางธุระกิจเลย จุดตกต่ำของ scooter เกิดขึ้นในช่วงทศวรรษ 1960 เมื่อผูบริโภคหันหลังไปนิยมใช้รถยนต์ขนาดเล็กที่มีรา คาถูก เช่น Fait 500 และ Fait Mini เป็นต้น ทั้งนี้เพราะป้องกันฝน และอากาศหนาวได้ดีกว่า ส่วนผู้ซื้อ scooter จะมีก็เพียงสมาชิกชมรมต่างๆที่กระจัดกระจายอยู่ทั่วไ ป ในทศวรรษ 1990 scooter ของยุโรปยังมีหลงเหลือให้เห็นได้พอสมควร ทว่าในปัจจุบันผู้ผลิตของญี่ปุ่น ฝรั่งเศส และอิตาลี กำลังทำการผลิต scooter รุ่นที่สามออกมา โดยมีรูปทรงและภาพพจน์ที่สะดวกสบายต่อการขนส่ง มีการใช้เทคโนโลยีสมัยใหม่และเสริมสีสรรที่โฉบเฉี่ยว เพื่อดึงดูดลูกค้าวัยรุ่นฐานะปานกลาง จึงเป็นเรื่องที่น่าสนใจว่าอนาคตของ scooter จะเป็นอย่างไรต่อไป

วันศุกร์ที่ 27 มิถุนายน พ.ศ. 2551

Thaiscooter...


classiccar...